วันอังคารที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2561


ศูนย์การค้าในจีนทำช่องทางเดินพิเศษสำหรับคนติดมือถือ ให้เดินก้มหน้าเล่นได้อย่างสบายใจ


ศูนย์การค้าแห่งหนึ่งในเมืองซีอาน มณฑลส่านซี ประเทศจีน ซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัทสตาร์ทอัพอยู่มากมาย ตัดสินใจทำช่องทางเดินพิเศษสำหรับคนที่ชอบเล่นมือถือขณะเดินอยู่บนทางเท้า หลังจากทางการอนุญาตให้ทำทางเดินดังกล่าวตรงทางเข้าศูนย์การค้าบนถนน Yan Da ได้
Shaanxi Online News สื่อท้องถิ่นได้รายงานว่า โฆษกของศูนย์การค้าดังกล่าว ซึ่งร้องเรียนขอทำช่องทางเดินพิเศษนี้มานานกว่า 1 เดือน ระบุว่า ชอบมีรถขึ้นมาบนฟุตบาทอยู่บ่อยๆ ทั้งที่มีคนเดินอยู่ขวักไขว่ 
ทางเดินหรือเลนดังกล่าวถูกทาด้วยสีแดง, น้ำเงิน และสีเขียว กว้าง 1 เมตร ยาว 100 เมตร  โดยมีสัญลักษณ์เป็นรูปโทรศัพท์มือถือ และมีข้อความเตือนคนเดินเท้าว่า "เฉพาะคนที่ติดสมาร์ทโฟนเท่านั้น" ขณะที่ส่วนอื่นๆ บนฟุตบาทก็ห้ามคนเดินเล่นมือถือด้วยเช่นกัน 

อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่ครั้งแรกในประเทศจีนที่มีการทำช่องทางเดินพิเศษสำหรับสังคมก้มหน้า เพราะเมื่อปี 2014 เมืองฉงชิ่ง ก็เคยออกแบบ  "Text-walking lane" ทางเดินความยาว 30 เมตร สำหรับคนที่ใช้มือถือขณะที่เดินบนทางเท้ามาแล้ว 
ส่วนที่ประเทศอื่นๆ อย่างเมืองแอนต์เวิร์ป (Antwerp) ในเบลเยียมก็นำไอเดียคล้ายๆ กันนี้มาปรับใช้เช่นกัน ขณะที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ทำป้ายเตือนเป็นรูปคนมองโทรศัพท์ในมือขณะที่กำลังเดินอยู่ พร้อมข้อความว่า "เดินอย่างปลอดภัย"
ทั้งนี้ หลังจากมีทางเดินพิเศษที่ซีอาน ผู้ที่อาศัยอยู่ในย่านนั้นต่างมีความเห็นต่างกันไป บ้างก็ชื่นชมว่าการทำแบบนี้จะช่วยให้คนขับรถได้ระมัดระวังคนที่เดินเล่นมือถือ บ้างก็มองว่า เลนดังกล่าวทำให้คนรู้สึกว่าปลอดภัยมากขึ้น แต่ก็อาจจะส่งผลให้มีคนใช้มือถือขณะเดินกันมากขึ้น บ้างก็ไล่ให้พวกติดมือถือไปเดินบนทางคนตาบอด เพราะยังไงพวกนั้นก็ไม่เห็นสิ่งรอบตัวอยู่แล้ว

วันอังคารที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2561

ปัจจุบันหลายคนใช้เวลาส่วนใหญ่ในแต่ละวันไปกับการใช้โทรศัพท์มือถือ ขณะที่ยังไม่มีข้อสรุปแน่ชัดว่ารังสีจากโทรศัพท์อาจมีผลกระทบต่อร่างกายได้อย่างไรบ้าง
บางคนอาจเคยได้ยินและสงสัยกับคำถามเกี่ยวกับอันตรายจากโทรศัพท์มือถือว่า รังสีที่ถูกปล่อยออกมาจากโทรศัพท์นั้นมีอันตรายจริงหรือไม่ หรือ การใช้งานต่อเนื่องนาน ๆ สามารถเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดเนื้องอกได้หรือเปล่า ?
นักวิทยาศาสตร์ได้พยายามไขข้อข้องใจเหล่านี้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่นับถึงวันนี้ก็ยังไม่มีงานวิจัยที่หาข้อสรุปได้แน่ชัด แต่สิ่งหนึ่งที่นักวิทยาศาสตร์รู้แน่ ๆ คือการใช้งานโทรศัพท์นั้นทำให้เกิดคลื่นความถี่วิทยุ ซึ่งเป็นรูปแบบของการแผ่รังสีชนิดไม่ก่อไอออน (Non-ionising radiation)
การแผ่รังสีเช่นนี้ มีความแรงน้อยกว่าการแผ่รังสีชนิดก่อไอออน (Ionising radiation) ซึ่งเกิดจาก เอ็กซ์เรย์ รังสีอัลตราไวโอเลต และรังสีแกมมา ที่สามารถทำให้โครงสร้างดีเอ็นเอของเปลี่ยนแปลงและสร้างความเสียหายกับเซลส์มนุษย์ได้
คลื่นความถี่วิทยุ ชนิดเดียวกับที่ออกมาจากโทรศัพท์มือถือนั้น มีอยู่รอบตัวเรา เช่น คลื่นวิทยุเอฟเอ็ม คลื่นไม่โครเวฟ คลื่นความร้อน และสเปกตรัมมองเห็นได้ ซึ่งการแผ่รังสีชนิดไม่ก่อไอออนนี้ไม่มีพลังงานพอที่จะทำให้ดีเอ็นเอของเราเสียหายหรือก่อให้เกิดมะเร็งได้โดยตรง
แต่จากข้อมูลบนเว็บไซต์ของ สมาคมโรคมะเร็งแห่งสหรัฐอเมริกา มีความกังวลอย่างจริงจังว่า โทรศัพท์มือถืออาจเพิ่มความเสี่ยงเกิดเนื้องอกในสมอง รวมถึงบริเวณศรีษะและลำคอได้
ปกติแล้ว คลื่นความถี่วิทยุในระดับสูง สามารถทำให้เนื้อเยื่อของร่างกายร้อนขึ้นได้ ซึ่งนั่นเป็นวิธีทำงานของเตาไมโครเวฟ แต่ ถึงแม้ระดับของพลังงานที่เกิดจากโทรศัพท์มือถือจะน้อยกว่านั้นมาก สมาคมโรคมะเร็งแห่งสหรัฐฯ กล่าวว่ามันยังไม่แน่ชัดว่าคลื่นจากโทรศัพท์มีผลอย่างไรกับมนุษย์ รวมทั้งแนะนำให้ลดการสัมผัสเพื่อป้องกันไว้ก่อน
โทรศัพท์ที่แผ่รังสีมาก-น้อยที่สุด
เพื่อวัดความเสี่ยงทางสุขภาพจากรังสี นักวิทยาศาสตร์ได้คิดค้นหน่วย SAR (Specific Absorption Rate) หรือ อัตราการดูดกลืนพลังงานจําเพาะ เป็นหน่วยวัดปริมาณพลังจากคลื่นความถี่วิทยุ ที่คนหนึ่งคนซึมซับเข้าสู่ร่างกายขณะใช้โทรศัพท์มือถือ ในหน่วย วัตต์/กิโลกรัม
ระดับ SAR ของมือถือแต่ละรุ่นนั้นแตกต่างกันไป และผู้ผลิตทุกรายจำเป็นต้องรายงานค่า SAR สูงสุดของสินค้าทุกรุ่น ข้อมูลเหล่านี้มีอยู่บนเว็บไซต์และคู่มือที่มาพร้อมกับโทรศัพท์ แต่ผู้บริโภคน้อยคนที่จะอ่านมัน
หน่วยงานรัฐของเยอรมนี ซึ่งทำหน้าที่ตรวจสอบการป้องกันภัยจากรังสี ได้สร้างฐานข้อมูลที่รวบรวมปริมาณรังสีของโทรศัพท์ทั้งรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ เพื่อดูว่าโทรศัพท์รุ่นใดแผ่รังสีมากที่สุด
www.bbc.com

YouTube บน Android กำลังจะเข้าสู่โหมดไม่ระบุตัวตน โดยแอพฯ ยอดฮิตอย่าง YouTube เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่บน Android และ Google Chrome เป็นที่เรียบ...